top of page

Data-Driven Thinking คืออะไร และทำไมธุรกิจของคุณจึงควรมี

สำหรับวันนี้บทความของเราก็จะพาไปแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคและกลยุทธ์ดีๆ เพื่อพัฒนาด้านการตลาดกันอีกแล้ว



ในส่วนของวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับคำว่า Data-Driven Thinking ว่าคืออะไรและมีความสำคัญอย่างไรบ้างกับธุรกิจ


Data-Driven Thinking คืออะไร


  • ในยุคนี้การนำข้อมูลเข้ามาเพื่อช่วยในเรื่องของการบริหารและจัดการธุรกิจ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ไม่น้อย ซึ่ง Data-Driven Thinking นับเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับบุคลากรฝ่ายบริหารทุกคนในองค์กร และการปรับปรุงวิธีการทำงาน รวมถึงการพัฒนาบุคคลากรให้มีทักษะในการคิดเชิงข้อมูลคืออีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญต่อศักยภาพของธุรกิจในปัจจุบัน และสำหรับในด้านของการตลาดนั้น การใช้ Data ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างสำหรับการวางแผนการตลาด ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจที่จะลงมือสร้างกลยุทธ์ใด ๆ ขึ้นมา เพราะฉะนั้นนักการตลาดยุคใหม่หรือผู้บริหารจะต้องมีแนวคิดเชิง Data เป็นพื้นฐานเสมอ


เหตุผลที่ธุรกิจของคุณควรมี Data-Driven Thinking

ธุรกิจหรือบริการของคุณควรมี Data-Driven Thinking เพราะเหตุผล ดังนี้

  1. เพื่อให้การตลาดสามารถเข้าใจผู้บริโภคและรับรู้ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น

  2. ยกระดับขีดความสามารถการตัดสินใจ ในทุกๆกระบวนการของการตลาด

  3. เพื่อให้เราออกแบบ Customer Journey ได้ดีขึ้น

  4. เพื่อให้รู้ว่าต้องใช้เครื่องมือเทคโนโลยีใด ในการนำมาเก็บ Data ที่จำเป็นต่อธุรกิจ

  5. เพื่อให้รู้ว่าจะต้องเก็บข้อมูลมาใช้ได้อย่างไร จากช่องทางไหน และใช้กลยุทธ์อะไรบ้าง

  6. เพื่อให้เราสามารถวางแผนด้าน Data Strategy ที่จะทำให้รักษาลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการของเราได้นานที่สุด และสร้าง Customer Lifetime Value ให้กับธุรกิจได้

  7. เพื่อช่วยให้พัฒนาความสามารถและเร่งกระบวนการทำงานได้ดีขึ้น


วิธีการใช้ Data เพื่อตอบโจทย์การตลาดอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

สำหรับการใช้ Data เพื่อให้มีประโยชน์ทางด้านให้ทางที่ควร ควรทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. มีการกำหนดจุดประสงค์ไว้ : ควรเริ่มต้นด้วยการตั้งจุดประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับการเก็บข้อมูล เช่น จะเอาข้อมูลไปทำอะไร ต้องการวิเคราะห์อะไร สิ่งนี้จะช่วยให้ทราบว่าต้องเก็บข้อมูลจากช่องทางไหน และใช้วิธีการใดในการเก็บข้อมูล

  2. เริ่มการจัดเก็บข้อมูล : ริ่มดำเนินการเก็บข้อมูล ควรเก็บข้อมูลให้ได้มากพอสมควร เพราะหากได้ข้อมูลมาน้อยเกินไปจะทำให้การวิเคราะห์ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่เห็นผลอย่างแท้จริง

  3. จัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ : ควรเลือกแพลตฟอร์มหรือระบบ CRM ที่สามารถเก็บและจัดระเบียบข้อมูลทั้งหมดได้ ควรจะมีความปลอดภัยสูง และสามารถติดตามแหล่งข้อมูลของแบรนด์ได้ รวมถึงง่ายต่อการค้นหาข้อมูลเพื่อนำมาบริหารจัดการ

  4. วิเคราะห์ข้อมูล : โดยจริงๆแล้วนั้น ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจ โดยที่อาจจะเลือกข้อมูลเพียงบางส่วนเพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ

  5. นำเสนอการตลาดแคมเปญไปยังกลุ่มเป้าหมาย : นำผลวิเคราะห์ที่ได้มาไปปรับใช้กับการตลาดของแคมเปญ เพื่อดูผลลัพธ์

  6. ทำการวัดประสิทธิภาพ : การวัดผลลัพธ์ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเราจะได้รู้ว่าขั้นตอนที่ทำมานั้นส่งผลอย่างไร ซึ่งผลจากการวัดประสิทธิภาพแต่ละครั้ง สามารถนำไปปรับปรุงแคมเปญถัดไปของคุณได้อีกด้วย


สรุปแล้ว การตลาดแบบ Data-Driven Marketing จึงมีความสำคัญและความน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอย่างในปัจจุบัน หวังว่าบทความนี้เพื่อนๆจะสามารถนำวิธีไปลองปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้


ขอบคุณภาพประกอบ : Freepick

 

Flare Dash แอปพลิเคชันบันทึกเวลาทำงานของพนักงาน และติดตามเส้นทางด้วย GPS ผ่านสมาร์ทโฟน


หากสนใจ คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อติดต่อเราพร้อมรับสิทธิทดลองฟรี 14 วัน


bottom of page