ปีใหม่ 2023 เริ่มต้นขึ้นแล้ว มาดูกันว่า HR Trend ปีนี้มีอะไรเปลี่ยนไปหรือน่าสนใจบ้าง และเหล่า HR ต้องเตรียมการรับมือกับอะไรบ้าง เพื่อช่วยในการวางแผนทรัพยากรบุคคลในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ
การทำงานระยะไกล (Remote Work)
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 ทำให้บริษัทโดยส่วนใหญ่ต้องมีการ Work From Home หรือการสลับวันกันเข้าทำงาน ทำให้การทำงานแบบ Remote Work เป็นที่นิยมและแพร่หลายมากขึ้น
โดยองค์กรต่างๆพยายามที่จะหาระบบการทำงานที่สามารถออนไลน์ได้ ทำให้รองรับการการทำงานจากที่บ้านหรือทำงานทางไกล เพื่อลดผลกระทบกับการทำงานในกรณีฉุกเฉิน
DEI (Diversity, Equity, and Inclusion)
DEI หรือความหลากหลาย ความเสมอภาค และการรวมเป็นหนึ่ง คือการสร้างวัฒนธรรมในที่ทำงานที่ให้คุณค่าและเคารพความแตกต่างระหว่างพนักงาน และส่งเสริมโอกาสที่เท่าเทียมกันและการปฏิบัติที่เป็นธรรมสำหรับทุกคน เป้าหมายของการริเริ่ม DEI คือการสร้างสภาพแวดล้อมในที่ทำงานซึ่งพนักงานทุกคนรู้สึกมีค่า ได้รับความเคารพ และมีโอกาสเท่าเทียมกันในการเติบโตและประสบความสำเร็จ
DEI เป็นวิธีการที่ครอบคลุมในการจัดการความหลากหลายซึ่งครอบคลุมประเด็นต่างๆ เช่น เพศ เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ รสนิยมทางเพศ อายุ ศาสนา ความสามารถ และรูปแบบอื่นๆ ของความแตกต่างของมนุษย์
ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีส่วนสำคัญสำหรับการทำงานในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งการทำงานของ AI มีส่วนช่วยในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยในเรื่องการตัดสินใจต่างๆได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งในด้านการจัดการทรัพยาการบุคคล AI ก็เข้ามามีส่วนช่วยในการสรรหา การจัดการและวิเคราะห์ลปฏิบัติงาน และการมีส่วนร่วมของพนักงานในองค์กร
ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน (Well-Being)
การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเป็นสิ่งที่องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ Mental Helth (สุขภาพจิต) และการมี Work Life Balance
โดยองค์กรอาจจัดหาทรัพยกรหรือโครงการเพื่อสนับสนุนด้าน Well-Being ของพนักงาน ทั้งในด้านของร่างกายและจิตใจ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทไว้ในอนาคต
สวัสดิการและสิทธิสำหรับพนักงาน
สวัสดิการและสิทธิพิเศษที่สามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์และความเหมาะสม เช่น การปรับตารางเวลาทำงานให้ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับลักษณะงาน รวมถึงค่าสวัสดิการต่างๆ และค่าจ้างกรณีต้องมาทำงานในวันหยุด
รวมถึงการวางแผนการทำงานในยุค New Normal ที่ให้พนักงาน Work From Home สัปดาห์ละ 1-2 วันเพื่อช่วยลดรายจ่ายของพนักงาน และลดการใช้ทรัพยากรในองค์กรด้วย
เทคโนโลยี VR และ AR
เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนจริง ที่ปัจจุบันเริ่มเป็นที่นิยมในการใช้ประกอบการทำธุรกิจมากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้งานได้ดีกว่าแบบทั่วไป
การนำเทคโนโลยีรูปแบบนี้มาใช้ จะช่วยให้พนักงานได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานเสมือนจริง นอกเหนือจากนั้นยังสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย
ภาพประกอบจาก : Freepik
Flare Dash แอปพลิเคชันบันทึกเวลาทำงานของพนักงาน และติดตามเส้นทางด้วย GPS ผ่านสมาร์ทโฟน
หากสนใจ คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อติดต่อเราพร้อมรับสิทธิทดลองฟรี 14 วัน