เคยไหม? มาทำงานทีไรก็มีอาการเหนื่อย เมื่อย เพลียตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร และเริ่มรู้สึกว่าอาการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการทำงานมากขึ้น หากพบว่ามีอาการดังกล่าวควรรีบหาวิธีแก้ไขหรือปรึกษาแพทย์
TATT คืออะไร? และมีอาการอย่างไร?
อาการ Tired All The Time (TATT) เป็นอาการอ่อนล้าเรื้อรังและรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าจะนอนหลับหรือพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม ความเหนื่อยล้าอาจเกิดขึ้นทางร่างกายหรือจิตใจ และอาจรบกวนกิจกรรมประจำวัน หรือส่งผลต่อการทำงาน
อาการของ TATT มีดังนี้
รู้สึกง่วงหรืออยากนอนตลอดทั้งวัน
ไม่มีสมาธิและจดจ่อกับอะไรไม่ได้นาน
ขาดพลังและแรงจูงใจ
รู้สึกหงุดหงิดหรืออารมณ์แปรปรวน
มีปัญหาเรื่องความจำหรือหลงลืมง่าย
กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือมีอาการปวดเมื่อย
ปวดหัวหรือไมเกรน
ไม่มีความต้องการทางเพศ
อ่อนไหวต่อความเครียด
นอกจากนี้อาจมีปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น ภาวะซึมเศร้า โลหิตจาง หรือปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ เบาหวาน เป็นต้น
ผลเสียของ TATT ต่อการทำงาน
อาการ TATT มีผลกระทบต่อความสามารถในการทำงาน เนื่องจากส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน และสมาธิโดยตรง อาจทำให้ทำงานผิดพลาดได้มากขึ้นหรือคุณภาพงานลดลง
บุคคลที่มีอาการ TATT จะขาดแรงกระตุ้นหรือแรงจูงใจในการทำงาน ทำให้ไม่สามารถจัดการตารางงานหรือทำงานได้สม่ำเสมอ และอาจมีการขาดงานอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานในด้านการสื่อสารจนอาจเกิดความขัดแย้งได้ง่าย
โดยรวมแล้วอาการ TATT นั้นส่งผลเสียต่อการปฏิบัติงาน ทำให้บุคคลนั้นไม่ได้รับการยอมรับ และไม่มีโอกาสในการก้าวหน้าในอาชีพการงาน จึงควรรีบหาสาเหตุและหาแนวทางในการแก้ไขอาการนี้ให้ดีขึ้น เพื่อช่วยให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
วิธีป้องกันอาการ TATT
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ควรนอนหลับให้เพียงพอในแต่ละวัน อาจจะจัดตารางการนอนหลับ และรักษาอนามัยในการนอน เช่น หลีกเลี่ยงการกิน/ดื่มคาเฟอีน และการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน
ทางอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ทางอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยกระตุ้นสมอง สร้างพลังงาน และช่วยให้ไม่เหนื่อยล้า
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถกระตุ้นพลังงานในร่างกายได้ รวมถึงส่งผลต่ออารมณ์ ฮอร์โมนต่างๆ และช่วยให้สุขภาพกายแข็งแรง
จัดการกับความเครียด
ความเครียดสามารถนำไปสู่ความเหนื่อยล้าได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหาวิธีจัดการกับความเครียด เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการฝึกหายใจ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลาดได้มากขึ้น
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติด
แอลกอฮอล์และสารเสพติดบางชนิดมีผลต่อการนอนหลับ และอารมณ์ของผู้ใช้ รวมถึงทำให้ร่างการอ่อนล้าเมื่อไม่ได้รับสารกระตุ้นเหล่านี้
รักษาโรคที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน
บางครั้งอาการอ่อนล้าอาจเกิดจากโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โลหิตจาง หรือปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ จึงควรดูแลและรักษาโรคเหล่านี้ควบคู่กันไปด้วย
พักสมอง
หยุดพักให้ร่างกายได้เติมพลังบ้าง โดยเฉพาะเมื่อต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานทำให้เมื่อยล้าร่างกาย ออกมาเดินยืดเส้นยืดสาย จะช่วยให้สมองตื่นตัวมากขึ้น
ปรึกษาแพทย์
หากทำตามวิธีดังกล่าวแล้วไม่ได้ผล ให้ลองปรึกษากับแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาเพื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
อย่าปล่อยให้อาการเหล่านี้รบกวนจิตใจและร่างกายของคุณ หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบแก้ไขหรือปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อหยุดผลกระทบจากอาการเหนื่อยล้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ภาพระกอบจาก : Freepik
Flare Dash แอปพลิเคชันบันทึกเวลาทำงานของพนักงาน และติดตามเส้นทางด้วย GPS ผ่านสมาร์ทโฟน
หากสนใจ คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อติดต่อเราพร้อมรับสิทธิทดลองฟรี 14 วัน
Comments