การขับรถในสภาพอากาศที่ไม่ปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่มีหมอกลงจัด หรือมีฝุ่นควันหนาแน่นนั้น ผู้ขับขี่ควรใช้ความระวัดระวังเป็นพิเศษ บทความนี้จึงมีเทคนิคการขับรถให้ปลอดภัยเมื่อต้องฝ่าหมอก หรือควันมาฝากกัน

แน่นอนว่าหมอกหรือควันนั้นบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่ต้องระวังในการขับขึ้นเป็น 2 หรือ 3 แม้ว่าจะไม่แนะนำให้ขับรถหากพบว่าทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวย แต่ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ ก็สามารถนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้ได้
อะไรบ้างที่ต้องระวังเมื่อต้องขับรถฝ่าหมอก?

ทัศนวิสัยที่ลดลง
แน่นอนว่าฝุ่นควันหรือหมอกนั้น ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการขับขี่มาเป็นอันดับ 1 ผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นสภาพการจราจรได้เต็มที่ 100% ซึ่งอาจทำให้เกิดจุดบอดบางอย่างขึ้นและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
การชนหรือเหยียบบางสิ่ง
เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี อาจทำให้เราไม่สามารถมองเห็นวัตถุหรือสิ่งต่างๆได้เต็มที่ จึงมีความเสี่ยงที่เราอาจจะเฉี่ยวชน หรือเหยียบวัตถุบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจจนรถเกิดความเสียหายได้
กะระยะไม่ถูก
หากหมอกหรือฝุ่นจัดมาก อาจทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งรถหรือการกะระยะจากรถคันหน้า หรือแม้แต่การกะระยะวิ่งหรือจอดก็อาจทำได้ยากมากขึ้น
สังเกตุสัญญาณไฟการจราจรได้ยากขึ้น
หมอกและควันทำให้การสังเกตุหรือมองเห็นไฟจราจรหรือป้ายจราจรได้ยากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เราไม่ทันมองเห็นสัญญาณเตือนจากรถคันอื่นๆได้ชัดเจน
ไม่สามารถคาดเดาเส้นทางได้
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว เมื่อมองเห็นสัญญาณหรือป้ายไม่ชัดเจน ก็อาจนำไปสู่การคาดเดาเส้นทางที่ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าทางข้างหน้าจะมีลักษณะเป็นอย่างไร
เทคนิคการขับรถฝ่าหมอก

ใช้ความเร็วต่ำในการขับขี่
หากทัศนวิสัยไม่ดี ผู้ขับขี่ควรระมัดระวังด้วยการใช้ความเร็วต่ำในการขับขี่ เผื่อกรณีฉุกเฉินที่ต้องหยุดรถหรือเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดจะช่วยลดความรุนแรงได้
ใช้ไฟหน้าแบบไฟต่ำ
ผู้ใช้รถควรใช้ไฟหน้าแบบไฟไฟต่ำเพื่อให้สามารถมองเห็นทัศนวิสัยในระยะใกล้ได้ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกลได้ตามปกติ
เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า
ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้อยู่ในระยะปลอดภัย กรณีที่ต้องเบรกกระทันหัน หรือมีอุบัติเหตุในทางข้างหน้าจะได้สามารถหยุดรถได้ทัน
ไม่ควรเบรกกระทันหันหรือเร่งความเร็ว
แน่นอนว่าการเบรกอย่างกระทันหัน หรือการเร่วความเร็วรถในขณะที่ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนนั้นเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ง่าย
มีสมาธิและสติตลอดเวลา
ควรใช้สมาธิและสติในการขับรถ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางในเส้นทางที่ไม่ปกติ หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้น
คอยสังเกตุสัญลักษณ์หรือไฟจากรถคันอื่น
โฟกัสสัญลักษณ์หรือสัญญาณไฟจากรถคันอื่นๆ เพื่อให้สามารถขับได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
ขับอยู่ในเลนของตนเองตลอดและไม่ควรขับแซง
ขับอยู่ในเลนของคุณตลอดเวลา ไม่ควรขับแซงคันอื่นๆ และระวังป้ายถนนและสังเกตุเครื่องหมายต่างๆ
ภาพประกอบจาก : Freepik
วิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานด้วย Analytics จาก Flare Dash แอปพลิเคชันที่ช่วยประเมินการขับขี่และให้คะแนนผู้ขับ ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้กับองค์กรของคุณ
หากสนใจ คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อติดต่อเราพร้อมรับสิทธิทดลองฟรี 14 วัน